ถ้าไอสไตน์บอกว่าดอกเบี้ยทบต้นคือสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก ผมคิดว่า Digital Product ก็ควรจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 9

ทำไมผมถึงคิดแบบนั้น

สินค้า Digital Product กำไรสูง

สินค้าโดยทั่วที่ต้องส่ง (Physical Product) จะมีต้นทุนหลายส่วน ทั้งต้นทุนสินค้า ต้นทุนการผลิต การขนส่ง และค่าดำเนินการ รายได้เกินจากนั้นคือ "กำไร"

ธุรกิจแบบซื้อมาขายไป กำไรแบบสวยๆจะอยู่ที่ 30% หรือในบางกรณีที่คู่แข่งเยอะ อาจจะต่ำกว่านั้น

แต่สินค้า Digital Product เราตัดต้นทุนพวกนั้นออกไปได้เลย เพราะมันไม่มี สินค้าเป็น Digital ส่งเป็นไฟล์ให้กับลูกค้าทันทีที่เขาซื้อ เงินเข้าเราทันที ดีไหมล่ะ

ต้นทุนที่จะเกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นค่า Software และค่า Fee จาก Platform ต่างๆ ซึ่งก็ไม่มีทางเข้าเนื้อในการขายแต่ละครั้ง ทำให้กำไรของ Digital Product นั้นไปได้ถึง 80-90% เลยทีเดียว

ถือว่าสูงมาก

สินค้า Digital Product เป็นแบบ One to Many

ก็คือทำทีเดียว เปรี้ยวได้หลายรอบนั้นแหละครับ

เราลงแรงทำสินค้า Digital Product ออกมาแล้ว มันสามารถขายซ้ำไปได้กับคนหลายคน เพราะมันเป็นไฟล์ ต้นทุนในการทำซ้ำแทบไม่มีเลย เน้นขายอย่างเดียว Copy แล้ว Paste ต่อกันไปเรื่อยๆ ให้กับคนจำนวนมากได้ ราวกับมีเวทมนต์

ดีไหมล่ะ

สินค้า Digital Product ขายได้ 24 ชม.

เหมือนเราเป็นเจ้าจองร้านเซเว่นแบบทุนต่ำ เพราะสินค้าของเราอยู่ในเว็บไซต์ที่เปิดตลอดเวลาอยู่แล้ว ลูกค้าจะซื้อตอนไหนก็มาได้เลย หลายครั้งเราไม่ต้องคอยตอบคำถามด้วยซ้ำ เงินเข้าตอนตีสามตีสี่ถือเป็นเรื่องปกติของคนที่ทำสินค้า Digital Product

ซึ่งแบบนี้มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยกับสินค้า Physical Product ที่เราต้องเปิด 24 ชม. มันจะมีค่าใช้จ่ายบานเบอะตามมา

แต่กับ Digital Product มันเป็นไปได้ง่ายมากๆ ยังไงเว็บเราเปิดตลอดอยู่แล้ว

สินค้า Digital Product ขายไปได้ทั่วโลก

ถ้าคุณเปิดร้านขายของในไทย คุณก็จะมีลูกค้าแค่ในพื้นที่ย่านนั้น หรือก็ทั่วประเทศถ้าคุณขายออนไลน์เป็น ถ้าอยากจะมีลูกค้าจากต่างประเทศ คุณต้องคิดการใหญ่ ขยายสาขาไป ไม่ก็ส่งออก

แต่ถ้าคุณทำสินค้า Digital Product ขาย การที่คุณจะมีลูกค้าจากบราซิล จากอีตาลี หรือจากเยอรมันมาซื้อ เป็นเรื่องปกติมากๆ และมันเกิดจขึ้นทันทีได้เลยด้วยซ้ำ (ร้านที่ผมขาย Digital Product ส่วนใหญ่จะเป็นคนใน USA. ทั้งนั้น)

ทุกวันนี้โลกแคบลงกว่าเดิมมากเพราะมี Internet กำแพงเรื่องระยะทางและเวลาถูกทำลายลงไปนานแล้ว

แล้วกำแพงเรื่องภาษาล่ะ ?

สินค้า Digital Product ไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษ

เพียงแค่เรารู้ความต้องการของตลาด, Keyword ที่ลูกค้าใช้ในการค้นหาสินค้า ก็เพียงพอแล้วสำหรับรายได้หลักแสนหลักล้าน

ยิ่งถ้าเราเริ่มต้นขายใน marketplace ต่างๆ อย่าง Etsy จะพบว่าเขาแทบจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้หมดแล้วล่ะ ขอแค่เรามีไอเดียที่ดี มีสินค้าที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของลูกค้า Etsy นี่แทบจะประเคน Traffic ให้เลย

แล้วแบบนี้ Digital Product จะไม่เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 9 ของโลกไปได้อย่างไร

ในทางตรงกันข้ามธุรกิจที่เป็น Physical Product ซื้อมาขายได้ สร้างแบรนด์เอง ผมก็เคยทำมาหมดแล้วนะ แต่พอมาเจอ Digital Product จะเรียกว่าตกหลุมรักเลยเลยก็ได้

ผมไม่ได้บอกว่าธุรกิจ Physical Product ไม่ดีนะ แค่มันไม่เหมาะกับผม

ถึงผมจะชอบเห็นเงินทุกวัน แต่ผมไม่ชอบบริหารคน ผมชอบทำงานตัวคนเดียว คิดเร็วทำเร็ว รักอิสระ ไม่ชอบอยู่กับที่เฝ้าร้าน ชอบทำงานที่ไหนก็ได้

มันจะมีอะไรเหมาะไปกว่าการขาย Digital Product อีกล่ะครับ

Share